เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับหรือว่าเป็นแฟนตาซีประเภทมีของวิเศษมาปล่อย
แต่เป็นเรื่องที่ช่วงนี้ผมเห็นอยู่บ่อยๆว่ามีการจัดกิจกรรมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจจัดแสดงสินค้าเช่นเมืองทองธานี อิมแพค
หรือไบเทค
รวมทั้งผู้ให้เช่าสถานที่เพื่อจัดแสดงสินค้าหรือชุมชนใหม่ๆเช่น ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
สิ่งที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเครื่องมือการตลาดตัวหนึ่งที่เป็นพื้นฐานตามหลักการตลาดคือ
4 P
อันประกอบไปด้วย PRODUCT PRICE PLACE
PROMOTION ซึ่งที่ปล่อยของในที่นี้ซึ่งเป็นสถานที่นำสินค้ามาขายรวมกัน ทั้งที่เป็นสินค้าในหมวดหมู่เดียวกัน หรือ
สินค้าของธุรกิจในเครือเดียวกันซึ่งจะขอขยายความดังนี้
ในอดีตเราจะคุ้นเคยกับงานวัด งานกาชาด
ถึงแม้จะไม่ใช่ในเชิงธุรกิจอย่างแท้จริงเพราะเป็นการทำบุญทำกุศลอยู่ด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องของการปล่อยของ /
ขายสินค้า ด้วยเหมือนกัน
แล้วพัฒนามาเป็นงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์เมื่อหลายสิบปีก่อนจัดที่สวนอัมพรใครที่อายุ
40 ขึ้นไปคงจำได้ดีในสมัยนั้นซึ่งก็จัดต่อเนื่องมาโดยตลอด แล้วมันมาชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อปี 2540
เป็นปีที่ประเทศไทยประสบภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรง คนตกงาน
บริษัทปิดตัว สินค้าขายไม่ได้
เครือสหพัฒน์เลยจัดขายสินค้าในเครือซึ่งมีอยู่มากมายทั้งอุปโภคบริโภคที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ ปรากฏว่าแม้คนตกงาน
กำล้งซื้อถดถอยแต่สินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเรียกได้ว่า “ปล่อยของ” ได้มากกว่าที่คิดไว้ จากวันนั้นจนวันนี้งาน เบสท์ออฟสหพัฒน์ หรือ “สหกรุ๊ปแพร์”
จัดมาเป็นปีที่ 17 แล้ว แถมยังขยายไปจัดยังจังหวัดต่างๆและที่สวนอุตสาหกรรมสหพัฒน์ที่ศรีราชาอีกด้วย
หรือการจัดงานให้กับจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ไม่เห็นมีข่าวจัดในภาคอื่นๆ) ของเครือซีพี
เป็นการจัดอีเวนต์ของจังหวัดต่างๆเรียกว่ามีครบ ดนตรี บันเทิง
เพื่อเป็นการเรียกแขก
แล้วขายของในเครือซีพีด้วย
ไม่ต้องบอกว่าได้ทั้งเงินทั้งกล่อง
สามารถประชาสัมพันธ์องค์กร
สินค้า
แถมขายสินค้าได้ด้วยแม้ลงทุนจัดไปมากพอสมควร แต่ก็เชื่อว่าขอดขายคงไม่ทำให้ขาดทุนในการจัดการอย่างแน่นอน แถมมีคนใหญ่โตในจังหวัดมารวมงานแน่อนว่าสื่อมวลชนก็ต้องมาทำข่าว หรือ มติชน มีการจัดงานมติชนบุ้คแฟร์
ทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองในภาคต่างๆอย่างสม่ำเสมอสร้างนักอ่านรุ่นใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นการจัดงาน “ปล่อยของ”
แบบสินค้าในแบบเจ้าของธุรกิจจัดเอง
เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำน่ายสินค้า
หรือโปรโมชั่นสินค้า
แม้แต่กระทั่งเอาสินค้าล้นสต้อก
สินค้าตกรุ่น มา “ปล่อยของ”
ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ การจัดงานแบบนี้เหมาะกับองค์กรใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลาย หรือจำนวนมากๆรายการ รวมทั้งกิจการค้าปลีกที่เรียกว่า CATEGORY KILLER อย่างพาวเวอร์บาย ซุปเปอร์สปอร์ต โฮมโปร แม้กระทั่งฟลายนาว
นอกจากมีเอาท์เล็ทตามแหล่งท่องเที่ยวแล้วปีนี้รู้สึกว่าเป็นปีแรกที่มาบุกกรุง จัดงานที่อิมแพค “ปล่อยของ” อีกด้วย
ดังนี้ เป็นต้น
ส่วนอีกแบบหนึ่งเป็นการจัดงานโดยผู้จัดงานที่เรียกว่าออการไนเซอร์ที่เดี๋ยวนี้แตกสาขาและจัดงานเฉพาะเจาะจงทั้งสินค้าและกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากเดิม ของแต่งบ้าน ซึ่งมีทั้งที่รวมมิตร หรือ แยกออกมาเป็นเรื่องๆ เช่น ห้องน้ำ
ห้องนอน แต่งสวน เป็นต้น
หรือ ที่เพิ่งเริ่มจัดเป็นปีที่ 2 คือ สปอร์ตเอ็กซ์โป
เป็นการรวมพลคนรักกีฬา
ที่จัดโดยสยามสปอร์ตที่เห็นโอกาสทางการตลาดที่คนในใจในกีฬาเพิ่มมากขึ้น เรียกว่ามางานนี้ได้ทั้งสินค้า
และองค์ความรู้เพราะดึงเอาโอลิมปิคมาร่วมให้ความรู้แก่ประชาชนทางด้านกีฬาด้วย
แถมมีแม่เหล็กคือนักกีฬาดังๆมาร่วมงานไม่ว่าจะเป็นนักยกน้ำหนัก นักวอลเล่ย์บอล และแบดมินตัน แถมมีถ้วย
เหรียญรางวัล จากการแข่งขันในระดับนานาชาติ
ระดับโลกที่เรียกว่าหาดูได้ยากมาจัดแสดงให้ชมอีกด้วย
แล้วก็แยกย่อยเป็นงาน แสดงสินค้าเกี่ยวกับจักรยาน
ไบซิเคิลเอ็กซ์โป
เป็นการเฉพาะเจาะจงลงไปอีก
เพราะตอนนี้ในกรุงเทพมีคนรักการปั่นจักรยานถึง 260,000 คน
ที่ไม่ใช่ปั่นไปซื้อของปากซอย หรือปั่นชิวๆในหมู่บ้านนะครับ ซี่งในอนาคตหากกีฬาใดเป็นที่นิยมก็คงมีการจัดงานในลักษณะนี้ออกมาอย่างแน่นอน และที่ลืมไม่ได้เลยคือการจัดงานโอท้อปที่เรียกว่คนโอท้อปรองานนี้ปีละ
2 ครั้ง
สามารถขายของได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่ก็นับว่าเป็นเพียงช่องทางหนึ่งเท่านั้น
คงต้องหาแหล่งขายสินค้าให้ได้ตลอดทั้งปีไม่ใช่รอการจัดงานปีละสองครั้งที่กรุงเทพ เรียกว่าต้องหาที่ “ปล่อยของ” เป็นของตนเอง
อย่ารอฟ้าฝนหรือจมูกคนอื่นหายใจหากวันใดเค้าไม่จัดขึ้นมาจะหาว่า หล่อไม่เตือนนะพี่น้อง @@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น