เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนผมได้มีโอกาสไปร่วมการแข่งขัน
“เลน้อยรัน 2019 “
ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งของชาวพัทลุง
โดยมีสมาคมกีฬาจังหวัดพัทลุงเป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขัน และทาง ดร.ป้อม วิศิษฐ์ กาญจโนภาสน
ได้ชักชวนให้ไปร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
ก็เลยอยากจะเก็บมุมมองเล็กๆมาเล่าสู่กันฟังว่า การแข่งขันในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่
3
โดยในสองครั้งแรกนั้นได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดการแข่งขัน จาก บริษัทยักษ์ใหญ่ใน กทม. ซึ่งก็ได้รับการประสานงานจาก รมต. ที่เกี่ยวข้องชาววพัทลุงไม่ต้องออกเงินเลย
แต่พอเปลี่ยนรัฐมนตรีนโยบายก็เปลี่ยนทำให้ขาดการสนับสนุน ทางสมาคมก็ยังมุ่งมั่นจัดการแข่งขันให้เกิดความต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ทะเลน้อยของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นเมืองปิดเป็นเมืองผ่านให้เป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น โดยใช้ทีมงานทั้งหมดในท้องถิ่นในการจัดการแข่งขันครั้งนี้
แม้จะมีความเสี่ยงทางด้านงบประมาณแต่ด้วยการเห็นความสำคัญของการแข่งขันซึ่งนอกเหนือจากการส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในชุมชน โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ 3,000 คนเศษ หาคิดคำนวนว่าแต่ละคนใช้จ่ายประมาณคนละ 2,000 บาท ก็เป็นมูลค่า 6
ล้านบาท
อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ
อย่างภูเก็ต หรือ ชลบุรี เพราะพัทลุงมี พื้นที่ 3.4 ล้าน ตร.กม
เป็นอันดับที่ 58 ประชากรแค่ 5 แสนคนเศษ
เป็นอันดับที่ 49 ของประเทศไทย
แต่ว่าพัทลุงมีแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมจะโปรโมทอยู่อีกหลายแห่ง แน่นอนว่า “ทะเลน้อย “
ซึ่งเป็นสถานที่วิ่งในครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมี เขาอกทะลุ บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน ควนนกเต้น
ล่องแก่งหนามมดแดง หลาดใต้โหนด
นาโปแก ฯลฯ แถมจุดเช็คอินแบบฟินๆ อีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น สำเภาทอง ขนำคอฟฟี่
บิ้งนาคาเฟ เดอะเคฟ ที่สำคัญ อาหารที่นี้ราคาไม่แพงมาก กุ้งแม่น้ำเผา ตัวใหญ่มากๆ ตัวละ 300
เท่านั้นเองที่ร้าน “บางชาม”
ข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง
เปิดเผยว่า จังหวัดพัทลุงมีผู้มาเยี่ยมเยือนในปี 2558 อยู่ที่ 1.32 ล้านคน แยกเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 1.31
ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.3 หมื่นคน
เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ออสเตรีย และอังกฤษ เพิ่มขึ้นจากปี 2557
และ 2556 ที่อยู่ที่ 1.23 ล้านคน และ 1.17 ล้านคนตามลำดับ
ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปี 2558 อยู่ที่ 1,271.89 บาท เพิ่มจากปี 2557 และ 2556 ที่อยู่ที่ 1,191.40 และ
1,158.35 บาท ส่งผลให้ปี 2558 จังหวัดพัทลุงมีรายได้กว่า
2,554.77 ล้านบาท เพิ่มจาก 2 ปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่
2,269.61 และ 2,145.67 ล้านบาท
ดังนั้นหากพัทลุงสามารถมีกิจกรรมกีฬาอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นสร้างการรับรู้ในแหล่งท่องเที่ยว
สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
สร้างงานในท้องถิ่น
และทำให้พัทลุงเป็นที่รู้จักในแผนที่ของนักท่องเที่ยว และ ในปี 2564
พัทลุงจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 37 และการแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 4
อีกด้วย ก็จะเป็นการสนับสนุนแนวคิดที่ว่า “กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ
สร้างเศรษฐกิจชุมชน “
ดร.พงษ์ศักดิ์ สวัสดิเกียรติ
ภาควิชาการจัดการการกีฬา
คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ม.เกษตรศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น