วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566

เทศกาล ..สำราญใจ

 


เทศกาล  ..สำราญใจ

20  ธันวาคม 2566

                ผมเขียนบทความนี้ในวันก่อนวันตรุษจีน และวันงานวิ่งบุรีรัมย์มาราธอน  1 วัน เพราะเห็นว่ามีมุมมองที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดรัฐบาลต้องการการกระตุ้นหรือทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย  อันจะมีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “จีดีพี”   ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในบางช่วงก็มีการเพิ่มวันหยุดพิเศษเพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยว  และจับจ่ายใช้สอยจนในแต่ละปีเราจะมีวันหยุดซึ่งรวมเสาร์อาทิตย์แล้ว   120+   วันทีเดียวคิดเป็นถึง  32.87 % ต่อปี

                แต่ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนก็จะมีความพิเศษตรงที่เป็นเทศกาลที่ก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย  มากกว่าเทศกาลอื่นๆเพราะว่ามีทั้ง  การซื้อของเพื่อไห้วเจ้า  การเดินทางไปพบบรรพบุรุษ  การมอบเงินพิเศษที่เรียกว่าแตะเอีย  การซื้อของขวัญให้กัน ฯลฯ  และเมื่อมาผนวกกับ  “บุรีรัมย์มาราธอน 2023”  เข้าไปด้วยแล้ว  ก็เรียกได้ว่าทำให้เมืองบุรีรัมย์นั้นคึกคักเป็นพิเศษ

                ขอย้อนกลับมาเทศกาลตรุษจีนก่อนว่าในปี 2566  นี้ทางศูนย์วิจัยกสิกรได้ให้ข้อมูลว่า   เฉพาะคนกรุงเทพ  จะมีเม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยถึง  12,330 ล้านบาท หรือขยายตัวราว 5.0%  ซึ่งนับว่าขยายตัวน้อยมากแม้ว่าจะเปิดให้ทำกิจกรรมต่างๆอย่างไม่มีข้อจำกัดเพราะโควิดแล้วก็ตาม  ทั้งนี้เพราะว่าเม็ดเงินในกระเป๋าของประชาชนและความมั่นใจในรายได้ในอนาคตยังมีคำถามอยู่   จึงใช้จ่ายอย่างระมัดระวังนั่นเอง

                นอกจากนี้แล้วการที่จีนประกาศเปิดประเทศและอนุญาติให้คนจีนเดินทางไปต่างประเทศได้ทำให้  อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (ซึ่งพึ่งนักท่องเที่ยวจีน ไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซนต์ )  คาดหว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 588,900 คน  เรียกได้ว่า ประมาณ 6 แสนคน สร้างรายได้รวมประมาณ 21,296   เห็นตัวเลขแล้วก็ชื่นใจแต่ก็ต้องดูระยะยาวว่าจะยืนได้แบบนี้ไปถึงสิ้นปีหรือไม่

                ย้อนกลับมาที่ว่า  “เทศกาล.....สำราญใจ”  ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจนั้น  เราสามารถแบ่งได้เป็นสองลักษณะดังนี้

                1.เทศกาลที่อมีอยู่แล้ว  เช่น  ประเพณี  วัฒนธรรม  เทศกาลที่มีอยู่แล้ว     ตัวอย่างคือ ตรุษจีน  สงกรานต์  ออกพรรษา  ลอยกระทง  แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะพบได้ว่า  จะมีหลายหน่วยงาน หลายจังหวัด  ที่จัดงานวัฒนธรรมประเพณีเหล่านี้  นั่นหมายความว่าแต่ละแห่งก็ต้องไปแย่งชิงลูกค้าให้มาร่วมงานที่จังหวัดของตน   ลอยกระทงก็จะช่วงชิงกันระหว่าง   สุโขทัย  กับ เชียงใหม่เป็นหลัก  หรืออาจจะรวมอยุธยา เป็นต้น    ทำให้คนไม่ไหลมารวมกันที่งานใดงานหนึ่ง    ผมเคยไปที่ประเทศญี่ปุ่นแต่จำเมืองไม่ได้แล้วซึ่งเป็นเมืองไม่ใหญ่มีเทศกาลที่เอาเจ้าที่อยู่ในศาลมาขึ้นขบวนแห่   แต่.......เค้าให้คนที่มาร่วมงานได้มีส่วนร่วมและประสบการณ์ในงานอย่างลึกซึ่ง  เพราะปกติแล้วเราไปดูเทศกาลในลักษณะนี้ก็จะยืนดูเฉยๆ  หรือมีส่วนร่วมบ้าง   แต่งานนี้ทางผู้จัดงานได้จัดทำเชือกที่ใช้ลากจูงขบวนแห่ซึ่งถ้าทำเส้นยาวๆก็คงมีค่า 2-4 เส้น   ประชาชน+นักท่องเที่ยวก็เข้าร่วมได้น้อยคน    ดังนั้จึงได้ขยายแตกแขนงออกเป็นร้อยๆแขนงคล้ายๆกับก้างปลา   เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการลากจูงอัญเชิญเทพเจ้านี้     ที่สำคัญ.......เมื่อเสร็จสิ้นจะมีเจ้าหน้าที่มาตัดท่อนเชือกส่วนที่เราจับและใช้ลากจูงนั้นให้นำกลับไปบูชาที่บ้านอีกด้วย   จะทิ้งก็ไม่กล้าทิ้งกลัวเทพจะมาเข้าฝันเลยต้องนำกลับมาและวางไว้บนหิ้งพระจนถึงทุกวันนี้  .......ดังนั้นผู้จัดงานอาจมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างสรรค์ให้นักท่องเที่ยวได้มีประสบการณ์ในลักษณะนี้  และเอามูเตลูมาเป็นเครื่องมืออีกทางหนึ่ง

2.เทศกาลที่สร้างขึ้น   เราจะเห็นได้ว่าหลายๆหน่วยงาน  ไม่ว่าจะเป็นจังหวัด   เทศบาล หรือ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ  ก็ได้มองเห็นถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจจึงได้พยายามคิดหาทาง   สร้างเทศกาลต่างๆขึ้นเพื่อดึงนักท่องเที่ยว   เช่น  เทศกาลกินปลาทูของจังหวัดสมุทรสงคราม       งานดอกไม้งามเชียงรายซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่19  แล้ว      และที่จะนำเสนอเทศกาลที่กลายเป็นตำนานของบุรีรัมย์ .  คือ    “บุรีรัมย์มาราธอน ครั้งที่ 7  “ ซึ่งผมได้ไปเข้าร่วม  ในครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 7 นี้ด้วย  สำหรับปี  2566 นี้  มีนักวิ่งต่างชาติเข้าร่วมถึง   46 ชาติร่วมจำนวน (เฉพาะต่างชาติ)    1,063 คน รวมนักวิ่งไทยเข้าไปก็กว่า 27,000 คน    และคาดว่าหลังจากจบงานนี้แล้วบุรีรัมย์มาราธอน   จะได้รับมาตรฐานระดับเหรียญทอง (Gold Label ) รายการแรกของไทย   และจะเป็นไนท์รันแรกของโลกที่ได้รับการรับรองในระดับนี้     นอกจานี้แล้วจะมีอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกกว่า 5,345 คน ผู้ติดตามนักวิ่งและกองเชียร์ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ รวมแล้วไม่น้อยกว่า   45,867 คน   ทำให้จะมีสื่อประชาสัมพันธ์ประเทสไทย  และ บุรีรัมย์ไปทั่วดลก   ที่สำคัญไปกว่านั้นจะมีกระแสเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจจากการจัดการแข่งขัน 531,947,798.30 บาท   และในอนาคตเชื่อว่า  “ทางลุงเน”  จะพัฒนาได้ไปเทียบเคียงกับ  โตเกียวมาราธอน /  บอสตันมาราธอน  ในอาคต


 ก่อนกลับไปทานกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้สนามบิน  มีแคปชั่นเด็ดๆของ  “ลุงเน”  ที่ผมอยากนำมาเล่าให้ฟังเพื่อที่ผู้นำในทุกระดับจะได้นำไปปรับใช้กับองค์กรของท่านต่อไปในอนาคต

"แม้พระเจ้าไม่ได้ให้ภูเขาบุรีรัมย์แบบเขาใหญ่ พระเจ้าไม่ได้ให้ทะเลบุรีรัมย์แบบหัวหิน แต่พระเจ้าให้มันสมองคนบุรีรัมย์มา... ผมเชื่อว่า Resource is limited, Creativity is unlimited   ฉนั้น ด้วยมันสมอง ด้วยวิธีคิด ด้วยกำลังความสามัคคีของคนในบุรีรัมย์ เราน่าจะช่วยกันสร้างให้เมืองบุรีรัมย์เป็นเมืองท่องเที่ยว"  

                คารวะ   3  จอก  ครับ  “ลุงเนวิน”   อ้อ ....ช่วยไปบอก  “ลุงตู่”  ด้วยนะครับ  55555.....

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2566

จำได้....ว่าคุณเคยสัญญา

 

จำได้....ว่าคุณเคยสัญญา 

13 มกราคม 2566


 

                ผมเขียนบทความนี้ในวันศุกร์ที่สองของเดือนเพราะพรุ่งนี้คือวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม  ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ  ที่นายกรัฐมนตรีต้องออกคำขวัญสำหรับปี2566 นี้   คือ  รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี  แล้วเรามีคำขวัญวันเด็กไว้เพื่ออะไร 

1.เป็นธรรมเนียมปฎิบัติเพราะคำขวัญวันเด็กเกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2499 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี   ซึ่งปี 2566  ก็จะเป็น คำขวัญที่ 67 ชาติไทย

2.ไว้เพื่อให้เด็กประถมท่องจำ   และใช้ตอบข้อสอบ

โอ้....... ไม่มีประโยชน์อะไรเลย 

เอ.....แล้วสินค้าก็มีคำขวัญ  หรือ สโลแกนเหมือนกันนี่น่า    มันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างไรบ้างตามมาดูกันครับ   เราใช้ประโยชน์ได้ถึง  5 ประการ

***แสดงจุดยืนของสินค้า  ตำแหน่งของสินค้า

***แสดงคำมั่นสัญญาที่มีต่อลูกค้า

***สร้างการภาพจำ  รวมทั้งภาพลักษณ์ของสินค้าหรือองค์กร

***สร้างยอดขาย  สร้างแรงจูงใจให้ซื้อ

แล้วเทคนิคในการสร้างสโลแกนหรือ คำขวัญมีอว่าอย่างไร  สามารถแยกเป็นประเด็นย่อยๆได้ 11 ประเด็นดังนี้ครับ

จำง่าย  ติดหู  ซึ่งต้องอาศัยให้ลูกค้าเป้าหมายได้ฟัง หรือ อ่าน หรือเห็นบ่อยๆ   เช่น  กาแฟเขาช่องรสแท้ กาแฟไทย  คาราบาวแดงนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่
            เรียบและสั้น กระชับ  และได้ใจความ ไม่ควรเกิน 10 พยางค์  เช่น    
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เซเว่นอีเลฟเว่น
            สื่อความหมาย ชัดเจน   ต้องมีสิ่งที่บอกว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไร 
Think Different ของแอปเปิ้ล     การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า     คิดถึง สีฟ้า เวลาหิว”  ของร้านอาหารสีฟ้า
            สร้างจุดยืน และแตกต่าง    แสดงให้เห็นว่าเราแตกต่างและจุดยืน จุดเด่น จุดขาย ของสินค้าและองค์กร เช่น ซัมซุง   
Do what you can't      นมสดไทย-เดนมาร์ค  “นมโคสดแท้ 100 %       “ใช้ดม ใช้ทา ในหลอดเดียวกัน “ ของยาดมโป๊ยเซียน    หรือ   สีทนได้สโลแกนจากสี 4 Season
             สร้างอารมณ์ด้านบวก   ฟังแล้วเกิดความรู้สึกดีต่อแบรนด์ 
เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้านธ.กรุงเทพ  “เพื่อเพื่อน เต็มที่เสมอ”   เบียร์ช้าง  หรือ  กระทิงแดง “เป้าหมายมีไว้พุ่งชน”  เพื่อสร้างกำลังใจให้ต่อสู้เป็นต้น
             มีเอกลักษณ์ บ่งบอกคุณลักษณะ หรือ คุณสมบัติพิเศษจากคู่แข่งขัน    เช่น 
  แอร์เอเชีย “ใครๆก็บินได้  สื่อว่าไม่ว่าคุณเป็นใคร ก็สามารถใช้บริการได้  เพราะราคาคุณจับต้องได้ นั่นเอง    ส่วนช้อกโกแลต เอ็มแอนด์เอ็ม ก็สร้างการจดจำว่า     ละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ”   

โน้มน้าวใจ    เพื่อขายของ หรือแสดงว่าสินค้าเรานั้นสุดยอด เหมาะกับคุณ  เช่น   ฟาร์มเฮ้าส.. “ หอมกรุ่นจากเทุวัน”

             สร้างภาพลักษณ์ และ ทรงคุณค่า ที่คู่ควร        ช้อคโกแลต เฟอเรโร รอชเชอร์...” ล้ำค่า ดั่งคนที่คุณรัก”   หรือ  ช่อง สาม  “ คุ้มค่าทุกนาทีดูทีวีสีช่อง 3 “

              โดดเด่น   สะดุดตาสะดุดหูจนต้องหยุดอ่านหรือหยุดฟัง    Sheer Driving Pleasure หรือ สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ ของ BMW   “ยนตกรรมเยรมัน”
               จูงใจ  ทำให้คนเชื่อในสิ่งที่นำเสนอ  ยาสีฟันคอลเกต  “ ยาสีฟันที่ทันตแพทย์แนะนำ”
               น่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์  คำสัญญา คุณสมบัติพิเศษ  ตัวอย่างเช่น   
เอสซีจี กรีน ช้อยส์’ (SCG Green Choice) ภายใต้สโลแกน คุณเลือก เพื่อโลกได้  

              บ่งบอกว่าใครคือ   กลุ่มเป้าหมาย   เครื่องดื่มแมนซั่ม  “ ปลุกความเป็นชายในตัวคุณ”  นอกจากบอกว่าลูกค้าเป็นผู้ชายแล้วยังต้องการบางอย่างด้วย  คริๆ     .  Life is Sweet'   คือสโลแกนของแบรนด์  Etude House เครื่องสำอางค์จากเก่าหลี   หมายถึงคุณค่า และพลังงานแง่บวกใน    Arrow เอกลักษณ์เฉพาะเอกบุรุษ”  ซึ่งต้องชายเท่านั้น     และยาสีฟันอีโมฟอม  #เสียวฟัน #ฟันไม่เสียว ต้อง #อิโมฟอร์ม   คงมีเป้าหมายว่าผมคือลูกค้าแน่นอน  เพราะตอนนี้ฟันเริ่มเสียวแล้วซิ  อ้อ แต่ยังแอทฮาร์ทนะครับ......ท่าน....

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566

A to J Pay attention



10 มกราคม 2566

โลกธุรกิจนับวันแต่จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจของโลกมีปัญหา   ปี 2023 นี้  กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2023 จากเดิมที่ระดับ 2.9% มาอยู่ที่ 2.7%     และเศรษฐกิจไทยปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.4 ต่อปี ส่วนปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นที่ร้อยละ 3.8 ต่อปี   และอาจจะดีมากไปกว่านั้น  เพราะเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา  ทางการจีนอนุญาติให้คนจีนออกนอกประเทศและคนต่างชาติที่จะเข้าจีนไม่ต้องกักตัวแล้วย  จะทำให้มียอดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน   เห็นได้ว่าสูงกว่าการเจริญเติบโตของไทยนั้นดีกว่าค่าเฉลี่ยของโลก    ทั้งนี้หากดูในภาพรวมก็จะเป็นอย่างนั้นเพราะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตเพียงเล็กน้อยก็เพราะถูกสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีขนาดของเศรษฐกิจขนาดใหญ่  ที่เศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือติดลบทำให้ค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 2.7 % เท่านั้น  แต่หากเทียบในอาเซียนแล้วเรายังเติบโตน้อยกว่า เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น

            แล้ว.......เราจะดำรงอยู่ได้อย่างไรในภาวะที่ยากลำบากนี้

            คำตอบ.......ก็คือการปรับตัวและพัฒนาสินค้าและองค์กรให้ตอบสนอง   A to J  Pay attention  อันได้แก่

AUTOMATION  สินค้าจะมีนวตกรรม  เติมความอัตโนมัติบางประการลงไปในสินค้าและบริการ  ตัวอย่างง่ายเช่น  การซื้อของออนไลน์ในปัจจุบันแพลทฟอร์มสามารถจำจำพฤติกรรมของลูกค้าว่า  สนใจอะไร  ชอบไม่ขอบสินค้าอะไร  หรือแม้แต่เค่ใส่เบอร์โทรศัพท์ลงไปก็จะเติมข้อความอื่นๆ  เช่น ชื่อ  ที่อยู่ อีเมล์ ฯลฯ ตามที่ได้บันทึกไว้  ไม่ต้องมากรอกซ้ำอีก  รวมทั้งตัวสินค้าเองก็ต้องเพิ่มความเป็นอัตโนมัติลงไปด้วย

BIO DEGRADABLE   สินค้า ภาชนะบรรจุ  หรือสารประกอบของสินค้า  สามารถย่อยสลายได้ ยิ่งถ้าไม่เหลือขยะได้เลยยิ่งดี  เรียกได้ว่าประมาณ ZERO WASTE   จนทำให้เกิด   BIO ECONOMY  นั่นเอง  

COST  เรื่องของต้นทุนที่ไม่ใช่แต่แค่เรื่องของต้นทุนทางการเงิน  คือ ราคาเท่าใด?  เพราะต้องคำนึงถึงต้นทุนทางด้านพลังงาน  ต้นทุนในการติดตั้ง/ลงทุน  และที่สำคัญต้นทุนทางด้านจิตใจ ซึ่งก็คือ แบรนด์  นั่นเอง

DELIVERY  การขนส่งสินค้า  ที่นับรวมไปถึงการบริการการติดตั้ง  การบริการหลังการขาย และ การสอนการใช้งานอีกด้วย  ซึ่งอาจจะเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า  เช่นวีรสุ ขายสินค้าเครื่องครัว  มีการสอนการทำอาหารเครื่องดื่ม  ก็สามารถขายวัตถุดิบ และอุปกรณ์เครื่องมืออื่นๆได้อีก

ECO  FRIENDLY PRODUCT การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  การผลิต การขนส่ง วัตถุดิบ  ฯลฯ  ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม  นอกจากนี้แล้วยังหมายรวมถึง  EMOTION  คืออารมณ์ร่วมในสินค้าและองค์กร  ซึ่งการทำให้สินค้ามีเรื่องราวและความรู้สึกที่ดีๆในมุมมองของลูกค้าแล้ว  ก็จะสามารถสร้างลูกค้าที่จะเป็นลูกค้าที่ยั่งยืนได้ในอนาคต  เพราะรักแล้วรักเลยมิแปรเปลี่ยน  ซึ่งการใช้อารมณ์ในการซื้อมากกว่าเหตผลทำให้ราคาเป็นเรื่องรองที่ใช้ในการตัดสินใจนั่นเอง

GOOD GOVERNANCE   มีธรรมาภิบาล  รวมทั้งการรับผิดขอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ถือหุ้น  พนักงาน ลูกค้า  ซัพพลายเออร์  สังคม  สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติ  ตลอดจนโลกใบนี้

HEALTHY  มิได้หมายถึงสินค้าที่เป็นอาหารเสริม SUBPLEMENT  แต่หมายถึงสินค้านั้นดีต่อสุขภาพทั้ง  กาย  ใจ  และ จิตวิญญาณ   ผู้บริหารจะต้องเติมเต็มความต้องการในสินค้า บริการ และ องค์กรนั้นให้พร้อมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทั้งสามด้านดังกล่าวข้างต้น

INDIVIDUALIZATION   สินค้ามีควาเฉพาะเจาะจง  ทั้งส่วนบุคคล หรือ กลุ่มบุคคล  ซึ่งในโลกปัจจุบันและเทคโนโลยี่สามารถทำได้  เช่น รองเท้าที่มีสีสันเฉพาะตน  เสื้อที่สามารถพิมพ์ภาพหรือชื่อของเราบนเสื้อนั้นได้   รถยนต์ที่สามารถเลือกสีเบาะรถได้  เป็นต้น

JOYFUL   ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความสุข  เมื่อจะมาซื้อ มาใช้ มาซ่อม มาติดต่อ กับองค์กร  พนักงานจะต้องมีความสุขเพื่อที่จะบริการลูกค้าได้อย่างมีความสุขมากกว่านั่นเอง  

            แน่นอนที่สุด ........แต่ละองค์กร แต่ละสินค้า คงไม่สามารถเติมทุกข้อได้หมดหรือจนล้นทุกข้อ  ต่างก็มีข้อจำกัดตามคุณลักษณะของสินค้า และบริการ ตลอดจนบริบทที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละองค์กร 

            เพียงแต่........ได้คำนึง และใส่ใจ  กับพยายามเติมเต็มแต่ละข้อได้มากที่สุดแล้วก็เชื่อด้ว่า   องค์กรและสินค้าของคุณจะ มี  “ความยั่งยืน” ในที่สุด

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...