วันที่เขียนบทความนี้คือ 10.10 ที่เป็นโปรเลขเบิ้ลในตำนานของประเทศจีน ที่เริ่มต้นจากวันคนโสด 11.11 ที่อาลีบาบานำมาใช้ในการโปรโมท ขายสินค้าแบบลดถล่มทลาย ซึ่งได้สร้างยอดขายแบบว่าล้มสถิติกันทุกๆปีไป แต่การมุ่งเน้นที่เซลโปรโมชั่นอย่างเดียวในเทศกาลต่างๆ ที่ทุกค่ายก็ทำเหมือนๆกัน แถมเมื่อทำบ่อยๆจนจับมุขได้แล้ว ลูกค้าก็จะรอเพื่อมาซื้อในช่วงการลดราคานั้นๆ ทำให้อาจจะไม่ตอบโจทย์ในด้านผลประกอบการที่มุ่งเน้นที่การทำกำไร แต่ก็มิได้หมายความว่าโปรแรงๆอย่างนั้นไม่ต้องทำนะครับ คงทำอยู่แต่ให้เพิ่มคุณลักษณะของสมาชิกในองค์กรในอีก 7 มิติ ซึ่งทั้ง7มิตินี้จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในที่ขอเรียกว่า F ทั้ง 7 เฮ็ดทุกวันเด้ออ้าย โดยจะขอขยายความดังนี้
1.FRESH หมายถึงความสดชื่นแจ่มใส ซึ่งแน่นอนที่สุดในชีวิตจริงของคนเรานั้น คงไม่มีใครที่จะสดชื่นแจ่มใสได้ตลอดเวลา เพราะงานมันเครียดยิ่งในภาวะ ศก.แข่งขัน และปรับตัว จึงต้องมีการปรับตัว และหาวิธีคลายเครียด
2.FRIEND มิตรภาพและการมีเพื่อนฝูงที่ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ อยู่โดดเดี่ยวไม่ได้แล้วเช่นเอสเอ็มอีหากจะซื้อเครื่องบรรจุซึ่งมีราคาแพง คงไม่มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่คุ้มทุนแต่หากหาพันธมิตรที่อยู่ในละแวกเดียวกัน มาร่วมใช้เครื่องแพคกิ้งนี้ก็จะช่วยลดต้นทุน หรือผู้ซื้อเครื่องก็อาจจะมีรายได้เพิ่มจากการรับจ้างแพคกิ้ง หรือการใช้ระบบการขนส่งแบบพูลใช้ร่วมกันช่วยให้ประหยัดค่าขนส่งในภาพรวม ร่วมโปรโมชั่นที่ภาษาการตลาดเรียกว่า Co-Promotion โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจบริการมาร่วมมือ เพราะต้นทุนการบริการมีแต่ต้นทุนผันแปร หรือบางบริการก็ไม่มีต้นทุนเพิ่มเรย เช่น โรงภาพยนต์ มีคนน้อยหรือมากได้เวลารอบฉายก็ต้องฉายภาพยนต์นั้น / รพ. เล็กๆสามารถใช้แล้ปร่วมกันหรืออาจะร่วมกันจัดซื้อยา อุปกรร์ทางการแพทย์ ทำให้เพิ่มอำนาจการต่อรองเพราะซื้อในปริมาณที่มากขึ้นแปลงคู่แข่งเป็นพันธมิตรนั่นเอง
3.FUN ต้องทำให้สินค้า และองค์กร ตลอดจนพนักงานนั้นรู้สึกได้ถึงความสุข มีส่วนร่วมในสังคม มีคาแรคเตอร์ สังเกตุได้จากองค์กรในญี่ปุ่นจะมีคุณลักษณะองค์กรที่มีสตอรี่ ดูแล้วร็สึกสดชื่อนแจ่มใส มีการยืดเส้นยืดสายในตอนเช้า ทำให้พนักงานรู้สึกกระตือรือร้น (และแถมต้องมาให้ทันกิจกรรม ทำให้ไม่มาสายอีกด้วย ) หรือการทีตัวการ์ตูนที่ทำให้สามารถในการจดจำและสร้างตัวตนขององค์กรและสินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น น้องอุ่นใจของเอไอเอส หรือ ก๊อตจิ ของปตท. เป็นต้น
4.FAIR การค้าขายต้องเป็นธรรม และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ซื่งถ้าจะทำจริงก็แค่สอดรับกับ BCG หรือ SCG
โดยที่ BCG มี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ
B = Bioeconomy คือ การนำทรัพยากรชีวภาพมา “ผลิตให้คุ้มค่าที่สุด” โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย
C = Circular economy ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมีแนวทางคือ “การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด” ของที่ใช้ในการผลิตต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
G = Green economy เป็นระบบเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นการสร้างนวัตกรรมรวมถึงการจัดการสภาพสังคมให้ “กระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”
และ นำสู่หลักปฏิบัติ ESG
หากต้องการดำเนินการได้ตามเป้าหมาย BCG Model ต้องอาศัยการทำธุรกิจที่ประณีตมีสิทธิภาพตามหลัก ESG Model คือการให้ความสำคัญต่อ
E = Environment ธุรกิจที่ไม่สร้างผลกระทบ
และใส่ใจสิ่งแวดล้อม
S = Social สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้ชุมชนและสังคม
G = Governace มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีและบริหารงานอย่างซื่อสัตย์โปร่งใส
จัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียตลอดทั้งห่วงโซ่การทำธุรกิจ
5.FIT องค์กรต้องเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เหมือนมนุษย์ต้องฟิตร่างการอยู่เสมอ หาองค์ความรู้ใหม่ๆ เทคนิค ช่องทางตลาด สินค้าใหม่ วิธีคิดใหม่ๆ
6.FIRM ไม่อ้วนอุ้ยอ้าย รีดไขมัน ส่วนเกิน ซึ่งในที่นี้มิใช่แค่พนักงานที่มีล้นเกินความต้องการ หรือ พนักงานที่ขาดประสิทธิภา ยังรวมถึงการวางแผนในด้านสินค้าคงคลัง สินค้าสำเร็จรูป ที่จะต้องมีการวางแผนที่เหมาะสม และพร้อมที่จะผลิตหรือส่งมอบให้ลูกค้าได้ทันในเวลาที่ต้องการ และการลดต้นทุนอื่นๆเช่นพลังงานอาจจะใช้โซล่าเซลที่ทุกวันนี้ราคาคุ้มค่าแก่การลงทุน หากใช้ในเวลากลางวันจะสามารถลดค่าพลังงานไฟฟ้าได้ 15-20 เปอร์เซนต์เลยทีเดีย การวางแผนเรื่องต้นทุนทางการเงิน อัตราดอกเบี้ยที่พศ.นี้มีแต่ปรับขื้นดูทรงแล้วโอกาสปรับลงคงอีกไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี
7.FAIL ยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับความผิดหวัง ศึกษาสาเหตุแห่งความล้มเหลว และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่โดยอาศัยประสบการณ์และความุ่งมั่น
“เพราะไม่มีใครทำอะไรแบบเดิม แต่หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น